Hug+ Kiss = Love

          Hug อ้อมกอดอันอบอุ่น ลูกน้อยรับรู้ได้ถึงสัมผัสอันอบอุ่น อ่อนโยนที่คุณมอบให้กับเขา และเขาก็ชอบเสียด้วยเพราะมันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย หลังจากที่โลกที่เคยอยู่นั้นทั้งเงียบและมืด ไม่ได้สว่างจ้า หรือเสียงดังอึกทึกแบบนี้เลย ดังนั้นหากลูกน้อยตื่นตกใจหรือดูไม่สงบ คุณแม่ลองอุ้มลูกแนบอกไว้ ให้เขาฟังจังหวะเสียงหัวใจเต้น หรือจะเปิดเพลงที่เขาคุ้นเคยคลอเบาๆ ไปด้วยก็จะช่วยให้ลูกสงบลงได้ค่ะ ไม่เพียงเด็กทารกเท่านั้นที่ชอบสัมผัสจากอ้อมกอดของคุณ ลูกน้อยวัยเตาะแตะหรือวัยไหนๆ ก็ชอบเหมือนกันและยังต้องการอ้อมกอดจากคุณแม่เสมอๆ นะคะ (คุณแม่อย่ามัวแต่กอดคุณพ่อคนเดียวค่ะ อย่าลืมกอดคุณลูกด้วย)

          Kiss หอมนี้น๊าน...นาน นอกจากอ้อมกอดแล้วลูกน้อยยังสามารถซึมซับความรักของคุณพ่อคุณแม่จากการหอมแบบนุ่มนวลได้ดีอีกด้วย เพราะส่วนของสมองที่เกี่ยวกับการรับสัมผัส จะเริ่มทำงานตั้งแต่เมื่อลูกน้อยยังอยู่ในครรภ์ได้ 4 เดือนนู่นแน่ะ และอย่าลืมบอกรักลูกด้วยนะคะ
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าพออ่านบทความนี้จบแล้ว คุณพ่อคุณแม่จะไปมะรุมมะตุ้มกอดลูกน้อยหรือหอมลูกจนแก้มช้ำหมดนะคะ เพราะกอดกับหอมอย่างเดียวโดยปราศจากความรัก ความจริงใจ คือสักแต่ว่าทำก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยนะคะ แล้ววันนี้คุณกอดลูกแล้วหรือยัง???

          ความหมายของคำว่า รัก มีมากมายหลากหลายความหมายแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล แต่ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีอะไรเทียบเท่าได้ก็คือ ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก เพราะเป็นรักที่ให้แล้วไม่หวังสิ่งตอบแทนกลับมา รักมาก หลงมากเสียจนยอมมอบชีวิตตัวเองให้ได้เลยทีเดียว เคยดูหนังเรื่อง My Sister’s Keeper กันไหมคะ หากยังลองไปหาดูกันนะคะ เพราะคุณจะได้รู้จักและประทับใจไปกับความรักในหลายๆ รูปแบบ ที่หากได้ดูแล้วเราเป็นต้องย้อนกลับมาดูครอบครัวของเราเองว่า ครอบครัวเรานั้นรักกันพอแล้วหรือยัง

          ความรักที่บริสุทธิ์จากใจ จะอยู่ในรูปของนามธรรม ที่ไม่สามารถจับต้องได้ แต่เราสามารถแสดงความรักนั้นออกมาให้คนที่เรารักรับรู้ได้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจา หรือใจค่ะ โดยเฉพาะลูกน้อยวัยแรกเกิดที่เขาต้องการความรักจากคุณพ่อคุณแม่มากเหลือเกิน และต้องการไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าน้ำนมที่ไปหล่อเลี้ยงร่างกายให้เจริญเติบโตสมบูรณ์ แข็งแรง เช่นเดียวกับความรักที่ลูกได้รับจากคุณก็จะไปหล่อเลี้ยงจิตใจให้ลูกเติบโตเป็นคนที่มีอารมณ์มั่นคง พร้อมที่จะเผชิญปัญหาต่างๆ ได้ดีกว่าเด็กที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่ รวมทั้งทนต่อภาวะเครียดได้มากกว่า และหลั่งฮอร์โมนต้านความเครียดได้มากกว่าอีกด้วย ขอยกตัวอย่างงานวิจัยจากบทความ วันนี้คุณกอดลูกหรือยัง ของนายแพทย์นริศ เจนวิริยะ ศัลยแพทย์ทั่วไป ซึ่งได้กล่าวไว้ดังนี้ค่ะ

          มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ทำการศึกษาเรื่องนี้ในคน แล้วตีพิมพ์รายงานในวารสาร Psychosomatic Medicine ฉบับเดือนมีนาคม-เมษายน 1997 ในรายงานนั้นกล่าวว่า การที่เด็กมีความรู้สึกว่าได้รับความรักจากพ่อแม่ทำให้เขาเติบโตขึ้นมามีสุขภาพดี ในการศึกษานี้เขาได้สอบถามชาย 116 คนเกี่ยวกับชีวิตในวัยเยาว์ ในบรรดาคนที่ยังจำอดีตได้ว่ามีพ่อแม่เป็นคนใจดี ให้ความรัก ความอบอุ่นมีเพียง 25% เท่านั้น ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ความดันเลือดสูง โรคหัวใจ แผลในกระเพาะอาหาร และโรคพิษสุราเรื้อรัง แต่ในคนที่ตอบว่าพ่อแม่ไม่ได้ให้ความอบอุ่นมีถึง 87% ที่มีโรคประจำตัวต่างๆ ดังกล่าว และอีกการศึกษาหนึ่งจากมหาวิทยาลัยอริโซนา ที่ทูซอน ผู้ทำการศึกษาได้ทำการสอบถามผู้หญิง 400 คน ผลที่ได้ก็คล้ายกันคือ การที่พ่อแม่ให้ความรัก ความอบอุ่นในวัยเด็ก ทำให้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ปราศจากโรคที่เกี่ยวเนื่องกับความเครียด นอกจากนี้เขายังพบว่า คนที่ได้รับความรัก ความอบอุ่น เอาใจใส่มีสุขนิสัยที่ดีหลายอย่าง เช่น กินอาหารดี เลือกคบเพื่อนที่ดี เป็นต้น

          เห็นไหมล่ะคะ ว่าความรักนั้นมีความสำคัญต่อลูกน้อยมากเพียงไร และที่น่ายินดีมากไปกว่านั้นก็คือ ความรักที่คุณพ่อคุณแม่จะมอบให้กับลูกน้อยได้นั้นไม่ต้องซื้อหาให้เสียสตางค์ เสียเวลา เพียงแค่คุณโอบอุ้มลูกไว้ในวงแขน หอมแก้มยุ้ยๆ ทั้งแก้มซ้ายแก้มขวา มองสบตาและบอกลูกทุกครั้งว่าคุณรักเขามากแค่ไหน ง่ายๆ แค่นี้แต่กลับเป็นการเริ่มสร้างต้นทุนชีวิตที่ดีให้กับลูกน้อย แถมยังสร้างความผูกพันที่เหนียวแน่นในครอบครัวได้อีกด้วย หากลูกน้อยเติบโตไปพร้อมกับพื้นฐานครอบครัวที่อบอุ่น ลูกน้อยก็จะใช้ชีวิตด้วยการมอบความรักนั้นกลับสู่คนรอบข้างและคนในสังคมไปโดยปริยาย แล้วอย่างนี้ลูกจะไม่มีความสุขได้อย่างไรล่ะคะ